คำพูดจาก เกมสล็อตมาใหม่
สืบเนื่องจากนายอธิภัทร ธรรมบุตร หรือ "กอล์ฟ" ก่อเหตุยิงหน้าผับกลางห้างดังย่านปิ่นเกล้า จนมีผู้เสียชีวิตล่าสุดมีรายงานจากตำรวจชุดสืบสวนว่า "กอล์ฟ" อาจจะหลบหนีออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานครไปแล้ว
โดยจากแนวทางการสืบสวนพบว่า หลังก่อเหตุเสร็จ นายกอล์ฟ ได้ขึ้นรถ Mercedes Benz 5 ประตู เลขทะเบียน 7 กถ 2465 กรุงเทพมหานครโดยมีเพื่อนอีก 3 คนนั่งไปด้วย ซึ่งนายกอล์ฟ นั่งอยู่ที่เบาะหลังฝั่งคนขับ และได้ให้เพื่อนที่ขับรถขับไปส่งบริเวณซอยเพชรเกษม 52 ก่อนที่จะไปส่งเพื่อนอีกคนแถวพุทธมณฑล สาย 1
จากนั้นคนขับได้นำรถไปจอดทิ้งไว้ใกล้บ้านญาติแถว ต.จอมปลวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ซึ่งขณะนี้เพื่อนนายกอล์ฟที่เป็นคนขับและคนที่ลงรถแถวพุทธมณฑล สาย 1 มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว เหลือแต่เพื่อนนายกอล์ฟที่ลงด้วยกันแถวเพชรเกษม 52 อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ
ส่วนการสอบปากคำเพื่อนของนายกอล์ฟ 2 คน ให้การว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ทราบว่าก่อนว่านายกอล์ฟ พกพาอาวุธปืนมาด้วย เพียงแค่ว่าในคืนนั้น เป็นการไปสังสรรค์กันในฐานะที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาใด ๆ เพราะเนื่องจากไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีส่วนกระทำความผิดและมีที่อยู่หลักเป็นหลักแหล่ง
ส่วนที่ว่านายกอล์ฟไปเอาปืนที่รถนั้น อาจจะเกิดจากการที่พกพาอาวุธปืนมา แต่ก่อนจะเข้าสถานบันเทิงได้เอาอาวุธปืนวางไว้บนรถ แต่เพื่อนอาจจะไม่ทราบ
ในขณะที่หญิงสาวคนที่ฝ่ายผู้ตายและฝ่ายนายกอล์ฟไปชนแก้วนั้น ให้การระบุว่า ในคืนนั้นตัวนายกอล์ฟเป็นคนมาชนแก้วกับหญิงสาวคนนี้ก่อน แล้วจากนั้นเพื่อนของผู้ตายก็มาชนแก้วต่อ จนทำให้นายกอล์ฟกับเพื่อนผู้ตายเกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย แต่ทางเพื่อนผู้ตายก็ได้ขอโทษขอโพยเป็นที่เรียบร้อย
ปรากฏว่าฝั่งผู้ตายเองยังคงถือโทษโกรธเคือง เลยจะไปเอาเรื่องกับนายกอล์ฟ จนทำให้ทางการ์ดของร้านสั่งปิดร้านแล้วเคลียร์คนออก ซึ่งหญิงสาวคนนี้ให้การเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ออกมาแล้วยังเห็นว่าฝั่งผู้ตายและนายกอล์ฟยังคงมีปากเสียงกันอยู่ เลยพยายามที่จะเดินลงไปชั้นจอดรถใต้ดิน โดยผลักให้นายกอล์ฟลงไปด้วยเพื่อเป็นการแยกกัน แล้วหลังจากนั้นตัวผู้หญิงคนนี้ก็จำเหตุการณ์ไม่ได้เพราะเมา ทราบแต่เพียงแค่ว่า เธอลงไปรอเพื่อน แต่เพื่อนยังไม่ลงมา แต่พอได้ยินเสียงปืนก็เลยเดินขึ้นไปอีกครั้งก็เห็นเหตุการณ์ชุลมุนแล้ว จึงไม่เห็นจังหวะที่ยิงกัน ซึ่งทางหญิงสาวคนนี้ยืนยันว่า ไม่รู้จักทั้งสองฝ่ายมาก่อนแต่อย่างใด
ขณะที่เมื่อวานนี้ (15 มีนาคม) หลังจากที่ญาติของนายธนู สาลี ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฆาตกรรมหน้าสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้าเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา มารับร่างนายธนูที่โรงพยาบาลศิริราช ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองแขม
ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ทางคณะเจ้าภาพได้จัดพิธีรดน้ำศพนายธนู โดยปรากกฎว่า นายน้ำมนต์ อายุ 29 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นคนต้นเรื่องที่ไปชนแก้วแฟนสาวจนนำมาสู่การก่อเหตุ ได้เดินทางมาพร้อมกับแฟนสาวเพื่อร่วมรดน้ำศพนายธนู โดยทันทีที่นายน้ำมนต์มาถึง ก็ได้เข้าไปจุดธูปไหว้ศพและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็ได้เข้าไปรดน้ำศพพร้อมกับได้เข้าไปจับร่างของผู้ตาย และร้องไห้ ก่อนที่จะเข้าไปหาพ่อของธนูและยกมือไหว้ขอโทษตลอดเวลา
จากนั้นนายน้ำมนต์เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า วันเกิดเหตุตัวเองไปดื่มกินสถานบันเทิงกันตอนเวลาประมาณ 22:30 ก่อนที่ผู้ตายจะตามมาทีหลังเพื่อดื่มกินกันตามปกติ ซึ่งระหว่างนั้นตัวเองเห็นมีผู้หญิงโต๊ะใกล้กันนั่งกันอยู่ 3 คน จึงเข้าไปขอชนแก้ว ผ่านไปสักพักหนึ่งก็มีผู้ชาย ซึ่งคาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุมากับเพื่อนอีก 1 คน คล้ายจะเข้ามาหาเรื่อง ตอนนั้นน้ำมนต์ยอมรับว่า รู้สึกตกใจและกลัวเป็นอย่างมาก จึงยกมือไหว้ขอโทษทางคู่กรณี แต่ทางคู่กรณีก็ไม่ได้พูดอะไร ตัวเองคิดว่าเรื่องจบลงแล้ว ก่อนที่จะกลับมานั่งที่โต๊ะ พอตนกลับมานั่งที่โต๊ะ ผู้ตายสังเกตเห็นว่า ตัวเองมีอาการหวาดกลัว ผู้ตายได้บอกกับตัวเองว่า ให้ตนหลบออกจากสถานบันเทิงก่อน เพราะผู้ตายเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย จากนั้นตัวเองก็ได้หลบออกมา จึงไม่ทราบว่าผู้ตายได้ไปเคลียร์อะไรกับทางคู่กรณี จนกระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงรู้ว่าผู้ตายถูกยิง ด้วยความตกใจจึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจขอความช่วยเหลือ นายน้ำมนต์ยืนยันว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนเองที่ไปชนแก้วหญิงสาว ผู้ตายไม่ได้ไปชนแก้วกับใคร ซึ่งตนยอมรับผิดในเรื่องนี้ และอยากให้ตำรวจ ติดตามตัวมือยิงให้ได้ หลังจากเกิดเหตุ ตนรู้สึกกลัวในทุก ๆ อย่าง กินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้กระทั่งจะเดินทางมาร่วมงานศพ ก็ยังรู้สึกกลัวว่าญาติของเพื่อนจะโกรธเคือง ขณะเดียวกัน ทางญาตินายธนูได้ปรึกษาหารือกันและเห็นชอบว่า จะยังไม่เผาร่างนายธนู จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้